หุ้นไทยสัปดาห์หน้ามีลุ้นดัชนีฯปรับฐานช่วงสั้น

นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวันนี้ค่อนข้างผันผวนในแดนบวก โดยดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้บริเวณที่ระดับ 710 จุด ก่อนที่ดัชนีฯจะอ่อนตัวลง ทั้งนี้การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคส่วน ใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากกระแสเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้ามาลงทุนอย่าง ต่อเนื่อง โดยหุ้นกลุ่มหลักที่นำดัชนีตลาดหุ้นขึ้นมาคือกลุ่มรับเหมาก่อสร้างทั้งกลุ่ม หลังจากที่การลงทุนภายใต้โครงการปฏิบัติการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลเริ่มมีความ เป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น

นอกจากนี้ประเด็นข่าวบวกจากประเทศจีนที่ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนเดือน สิงหาคมเพิ่มขึ้นมากกว่าประมาณการไว้ และตัวเลขยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ในจีนเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นที่เป็นสัญญาณบ่ง ชี้ถึงเศรษฐกิจโดยรวมที่เริ่มมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้น จึงเป็นอานิสงส์ต่อตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงให้ปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนี้ดัชนี ฮั่งเส็ง: ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 21,161.42 จุด เพิ่มขึ้น 91.86 จุด หรือ 0.44 % ,ดัชนี SHI: ตลาดหุ้นจีน ปิดตลาดที่ระดับ 2,989.79 จุด เพิ่มขึ้น 64.91 จุด หรือ 2.22 % และ ดัชนี สเตรทไทม์: ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดตลาดที่ระดับ 2,681.03 จุด ลดลง 0.99 จุด หรือ -0.04 %

อย่างไรก็ดีหลังจากที่ดัชนีฯได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระหว่างการซื้อขายส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรของนักลงทุนสลับออกมากดดันให้ ดัชนีฯ อ่อนตัวลง

สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในสัปดาห์หน้า (14 ก.ย.) คาดว่าดัชนีฯจะเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่และยังคงต้องติดตามกระแสเม็ดเงินลงทุนจาก ต่างประเทศที่จะเป็นตัวแปรหลักที่กำหนดแนวโน้มของตลาดหุ้น ประกอบกับปัจจัยดังกล่าวจะเป็นตัวแปรเชิงบวกที่จะทำให้การปรับฐานเพื่อที่จะ ไปต่อ

ด้านปัจจัยที่จะต้องติดตามคือการแถลงตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆที่สำคัญของสหรัฐฯ ที่จะทยอยประกาศในสัปดาห์หน้า คือยอดค้าปลีกเดือน ส.ค.ที่จะประกาศวันอังคารนี้(15 ก.ย.) และตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือน ส.ค. จะประกาศวันพฤหัสบดีนี้(17 ก.ย.) โดยประเด็นดังกล่าวจะสะท้อนถึงแนวโน้มการบริโภคว่าจะปรับตัวดีขึ้นหรือไม่

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำซื้อเมื่อดัชนีฯอ่อนตัวที่ปริมาณซื้อสุทธิจากต่างชาติที่ระดับ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป โดยประเมินแนวต้านอยู่ที่ 711 จุด และ 715 จุด ประเมินแนวรับอยู่ที่ 699-697 จุด